วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561


การศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์

            สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน วันนี้เราก็กลับมาพบกันเช่นเคย  ซึ่งวันนี้เปียก็มีเรื่องมาเล่า หรือว่ามาแนะนำให้เพื่อนๆทุกๆคนได้รับฟังกันด้วย ตามที่เพื่อนๆได้อ่านหัวข้อของเราไป แน่นอนค่ะ วันนี้เราก็จะมีข้อมูลมาแนะนำเกี่ยวกับอาชีพ แพทย์ ให้ทุกๆคนได้ทราบ เพื่อเพื่อนของเราเนี่ยจะได้นำข้อมูลไปใช้ในการศึกษาต่อกันค่ะ

            ซึ่งข้อมูลที่เราจะนำมาให้เพื่อนๆอ่านเกี่ยวกับอาชีพแพทย์ มีดังนี้

1.            การเตรียมตัวที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

2.            มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์

3.            หลักสูตรการเรียนแพทย์

4.            จบแล้วทำงานด้านไหนบ้าง

และนี้ก็เป็นลำดับข้อมูลซึ่งทำขึ้นเพื่อให้เพื่อนๆได้อ่าน และได้ศึกษา หากเพื่อนๆพร้อมแล้ว ไปอ่านกันเลย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
 

1. การเตรียมตัวที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

1.1 )   สอบข้อสอบใดบ้าง

            ตามที่เราได้ไปหาข้อมูลมานะค่ะ แต่ล่ะมหาวิทยาลัยเนี่ยก็จะใช้คะแนนสอบที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ทางมหาวิทยาลัยตั้งขึ้นค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีเกณฑ์ที่คล้ายๆกันบ้าง ดังนี้ค่ะ

-    เกรดเฉลี่ยทั้ง GPAX และ GPA ควรมากกว่า 3.00
-   สอบ BMAT (Biomedical admission test คือ ข้อสอบเฉพาะผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาต่อสาขาแพทย์ สัตวแพทย์ จัดทำโดย Cambridge Assessment แห่งสหราชอาณาจักร)
-   ผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น TOFLE, IELTS , CU-TEP , TU-GET, CMU-eTEG
-   ผลสอบ GAT , PAT1 , PAT2
-   ผลสอบวิชาสามัญ 7 วิชาหลัก
-   ผลสอบ O-NET
-   วิชาเฉพาะแพทย์ คือ กสพท.
-   Portfolio
-  การสอบสัมภาษณ์ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
       และนี่ก็เป็นข้อมูลที่เปียหามาได้นะค่ะ บอกเลยว่าเป็นข้อมูลที่อัปเดตสุดๆไปเลย เพราะเป็นข้อมูลการสอบเข้าในระบบ TCAS 61 เลยนะค่ะ
 
 
1.2)  จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง
            ความรู้ที่เราจะมีไปสอบนะค่ะ ก็ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ตามข้อมูลที่เปียได้บอกไปข้างต้นเลย ว่าเราจะสอบข้อสอบใดบ้าง ซึ่งเปียก็มีข้อมูลเพิ่มเติมให้ค่ะ
-  GPAX คือ ผลการเรียนหรือเกรดเฉลี่ยของทุกวิชาที่ได้เรียนมา ซึ่งเป็นเกรดเฉลี่ยทุกเทอม
-    GPA   คือ ผลการเรียนสะสมของผู้เรียนที่ได้เรียนมาตลอดหลักสูตรของชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายปีที่ 4-6
-    GAT    คือ การทดสอบวิชาความถนัดทั่วไป มี 2 ส่วน คือ
            1.ความสามารถในการอ่าน เขียน การคิดเชิงวิเคราะห์ และการแก้โจทย์ปัญหา
            2.ความสามารถในการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ
-   PAT1  คือ ข้อสอบความถนัดด้านคณิตศาสตร์
-    PAT2  คือ ข้อสอบความถนัดด้านวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ โลกและดาราศาสตร์
 
อ่านๆไปแล้วก็มึนๆเหมือนกันนะค่ะเนี่ย 555555 ไม่เป็นไรค่ะเราจะสู้ไปด้วยกัน งั้นเราไปอ่านข้อมูลกันต่อเล้ยยยย
 
2. มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์
              สำหรับการเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนะค่ะ บางท่านอาจเลือกจากความชอบหรือความสนใจเฉพาะตัวของผู้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเอง หรือบางท่านอาจเลือกจากประสิทธิภาพในการสอนของมหาวิทยาลัย นั่นเองค่ะ แต่เปียของบอกไว้เลยว่า แต่ล่ะมหาวิทยาลัยเนี่ยมีประสิทธิภาพดีแน่นอนค่ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเข้าใจในเนื้อหาที่เขาสอนหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งเปียก็ยกตัวอย่างมา 3 มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ ดังนี้ค่ะ
2.1 ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
        จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์อันดับที่ 50  ของเอเชีย จากเว็บไซต์ Topuniversities.com  และอยู่ในอันดับที่ 1 ของประเทศไทย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยระดับดีเลิศทั้งในด้านการเรียนการสอนและการวิจัย
 
 
2.2 ) มหาวิทยาลัยมหิดล
            จากเว็บไซต์ Topuniversities.com  มหาวิทยาลัยมหิดลอยู่อันดับที่ 58 ของเอเชีย แต่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เช่น แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด สาธารณสุขศาสตร์ โดยมหาวิทยาลัยมหิดลเป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ และเป็นสมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (AUN)
 
2.3 ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ( ท่าพระจันทร์ )
         ปัจจุบันมีการจัดการศึกษาที่ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ    ซึ่งประกอบด้วย 19 คณะ 4 วิทยาลัย 1 สถาบัน 1 สำนักวิชา และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ยังเป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติอีกด้วย
ฟังข้อมูลกันไปแล้วเนี่ยก็ทำเอาเปียงงไปเลยค่ะ ว่าพี่ๆเขากินอะไรทำไมเก่งขนาดนี้ 5555555

3. หลักสูตรของการศึกษาแพทย์
 หลักสูตรในการศึกษาแพทย์นะค่ะ เปียก็เคยได้หาข้อมูลไว้แล้วในบล็อกที่ผ่านมานะค่ะ ซึ่งในแต่ละปีก็จะเรียนในเนื้อหาที่ต่างกันออกไป ดังนี้ค่ะ


ปี 1 ปรับพื้นฐาน
ในช่วงนี้ทุกๆมหาวิทยาลัยจะใช้ช่วงนี้ เพื่อปรับสภาพจิตใจ และปรับเนื้อหาของนักศึกษาเพี่อเตรียมพร้อมสู่การเรียน ซึ่งในปี 1 นี้เนื้อหาที่เรียนก็จะยังเบาๆอยู่นะค่ะ เราก็จะเรียนแบบสบายๆขนมๆกัน
 

 
ปี 2 สวัสดิพรีคลินิก หรือ การทำงานของร่างกายในภาวะปกติ
ช่วงปี 2 นักศึกษาแพทย์ทุกคนจะได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ ซึ่งแรกๆทุกคนก็ต้องมีกลัวๆกันบ้างแหละคิดว่านะ 55555 แต่เรียนไปก็คงจะชินเอง ส่วนวิชาที่เรียนก็จะเรียนจำพวก ระบบร่างกาย เช่น ระบบปราสาท ระบบไหลเวียนเลือด กายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ เป็นต้น

ปี 3 ความผิดปกติของร่างกาย
นักศึกษาแพทย์จะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือผิดปกติไป ก็คือ จะเรียนในเรื่อง หลักภูมิคุ้มกันวิทยา ปรสิตวิทยา พยาธิทั่วไป เวชศาสตร์ชุมชนแล้วก็เภสัชวิทยาแบบพื้นฐานค่ะ
 
 
ปี 4 การก้าวไปสู่การทำงานชั้นคลินิก

ปีนี้เห็นเขาบอกกันว่า พวกพี่ๆจะเริ่มเรียนรู้การปฏิบัติงาน โดยการตรวจคนไข้จริงๆ ที่โรงพยาบาลกันแล้ว โดยไม่มีการปิดเทอมเลย พวกพี่ๆเขาจะทำงานวนไปตามวอร์ดต่างๆจนครบ แน่นอนว่าจะต้องนอนดึกตื่นเช้าแน่   อิอิอิอิ
 
 
ปี 5 ก้าวสู่การลงมือ
ปีนี้เกือบจบแล้ว เย้ๆๆ !!!!!!  ใกล้จบแล้วมันก็ต้องฮาร์ดคอร์กันหน่อย5555 ก็คือ พี่ๆรุ่นนี้อาจจะมาถึงวอร์ดตอนตี 4 จากที่เคยมาตอนปี 4  คือ 7 โมงเช้า แล้วอาจจะทำงานจนโต้รุ่งถึงอีกวันก็ได้ ซึ่งพี่ๆเขาจะมีส่วนร่วมที่มากขึ้นในการทำงาน เช่น วินิจฉัยร่วมกับอาจารย์ เย็บแผล ช่วยทำคลอด แล้วอย่าลืม ต้องจดเล็คเชอร์ด้วยนะ 55555
 
 
ปี 6 ช่วงชีวิต EXTERN
นี้คือ จบแล้ว OMG!!!!!! 555555 พี่ๆรุ่นนี้ ก็จะสามารถรักษาคนไข้ได้แล้วหลังจากที่เรียนมา 5 ปี  และก็จะมีการออกไปเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วย     

และนี่นะค่ะก็คือข้อมูลที่เรารวบรวมมาให้เพื่อนๆได้ศึกษากัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้กับตัวเองในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย สุดท้ายนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดี เข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองต้องการได้น่ะค่ะ สู้ๆ
 
 
 
4. จบแล้วทำงานด้านไหน
  สำหรับเปียนะค่ะก็เคยสงสัยว่า พี่ๆที่เรียนจบหมอแล้วเนี่ยจะทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ไปเลยไหม แต่ก็มีบางคนนะค่ะที่ออกมาทำงานเกี่ยวกับธุรกิจส่วนตัว เช่น ช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำกิจการส่วนตัวค่ะ  แต่ส่วนใหญ่แล้วพี่ๆเขาก็จะทำงานเกี่ยวกับด้านการแพทย์ไปเลยค่ะ เนื่องจากเราตัดสินใจที่จะเรียนไปแล้ว ร่วมกับอาชีพนี้ใช้เวลาในการศึกษาค่อนข้างนานค่ะ จะมีส่วนน้อยที่ออกมาจากวงการแพทย์มาทำกิจการส่วนตัว หรืออาจมีอีกประเภทค่ะ ที่ทำอาชีพแพทย์ไปพร้อมๆกับอาชีพอื่นๆเช่น หมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ  ซึ่งเป็นแพทย์ทหาร พร้อมกับเป็นดารานักแสดงด้วยค่ะ จึงสามารถสรุปได้ว่า
1.  ประกอบอาชีพแพทย์โดยตรง
2.   กลับไปช่วยกิจการของครอบครัวหรือกลับไปประกอบกิจการเอง โดยไม่เกี่ยวข้องด้านการแพทย์อีก
3.    ประกอบอาชีพแพทย์ไปพร้อมๆกับอาชีพที่ตนเองชอบ
 
5. ประวัติผู้จัดทำ
 
                                                          ประวัติของผู้จัดทำ
                              ชื่อ นางสาวก้อนทอง   นามสกุล    แก้วพิลา 
                              เลขที่ 10                       ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2      
                              ชื่อเล่น เปีย                   อายุ 17 ปี
                               ศึกษาที่ โรงเรียนดอนเมืองทหารอากาศบำรุง
 
6. แหล่งสืบค้นข้อมูล
และเปียก็ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างๆที่ไม่ได้ปรากฏในนี้ด้วยนะค่ะ
สำหรับเพื่อนๆที่ได้อ่านข้อมูลไป อาจตกใจว่าทำไมเรียนหนักจัง แต่ไม่เป็นไรค่ะเราชื่นชอบในสิ่งนี้ และขอให้เพื่อนๆทุกคนสู้ๆน่ะค่ะ แล้วพบกันไหมครับผม........
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

 
 

การศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์             สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน วันนี้เราก็กลับมาพบกันเช่นเคย   ซึ่งวันนี้เปียก็มีเรื่องมาเล่า หรือว่า...