วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

มาฝึกวิจารณ์ขอรับ

      สวัสดีเพื่อนๆทุกคน วันนี้ก็กลับมาเจอกับเปียอีกครั้งน่ะ วันนี้เปียก็ไม่มีเรื่องที่จะมาเล่า แต่วันนี้เปียจะมาเป็นผู้วิจารณ์บทความของผู้อื่น ซึ่งผู้อื่นในที่นี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่อย่างใด เขาคือ.....เพื่อนร่วมชั้นกับเปียเอง โดยวันนี้เนี่ยเปียก็จะมาวิเคราะห์บทความของเพื่อนเลือกเอามาสัก 3 คน เรามาดูกันเลยว่าบทความที่เพื่อนเขียนเนี่ยจะเป็นไงกันบ้าง มาดูกันเลย!!!!!!
         คนที่1. (รีวิว) วังน้ำเขียว แต่น้ำใส
สำหรับคำวิจารณ์ คนแรก เปียคิดว่าเขาเป็นคนที่เรียบเรียงถ้อยคำ หรือว่า การลำดับขั้นตอนเนี่ยได้ดีมาก พอเราอ่านไปเรื่อยๆ จะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับคำบรรยายที่เพื่อนเขียน จนกระทั่งรวมไปถึงรูปภาพที่แสนจะน่ารักก็ทำให้คนอ่านมีความสุข และมีรอยยิ้มไปกับการอ่านบล็อกได้ ซึ่งบล็อกของเพื่อนจากที่เราเห็นได้ในรูป คือ รูปภาพเพื่อนสื่อได้ดีมาก เป็นภาพการรวมญาติที่ดูแล้วเเสนจะอบอุ่นเลยก็ว่าได้
สรุปเลยว่า เพื่อนคนที่1 มีการเรียงคำหรือการใช้ถ้อยคำได้ดี ภาพโดดเด่นเเสดงออกมาได้อย่างชัดเจน

https://teawdeemeesuke.blogspot.com/?m=1
นี่ก็เป็นลิงค์ของเพื่อนคนที่ 1 น่ะ ใครอยากอ่านเชิญอ่านได้เลยคราบ

          คนที่2. (รีวิว)เที่ยวสวนผึ้ง 1วันปะทะหน้าร้อน!
ต่อมาคนที่ 2 คนนี้เป็นคนที่เฮฮามากเวลาอยู่ที่ห้อง เปียจะอ่านของเพื่อนดูสิ เพื่อนจะเขียนออกมาฮาเหมือนที่อยู่ในห้องรึป่าว พ่าม พ่าม คือ....พูดไม่ออก 55555เพื่อนใช้คำกึ่งทางการน่ะ แต่ว่าเข้าใจง่ายแถมเพื่อนยังคงความเป็นตัวเองอีกด้วย อ่านๆไปเรื่องก็ยิ่งสนุก แล้วมีการใช้คำที่แบบว่า มีจังหวะจะโคน ให้คนอ่านตกใจเล่นๆ 5555555 และเพื่อนก็เก็บบรรยากาศหรือ รูปภาพเอามาฝากคนอ่านได้เยอะมากๆ แค่ดูรูปก็เหมือนกับเปียเคยไป ทั้งที่ยังไม่เคยไปเลย
สรุปก็คือ เพื่อนคนที่2 มีการใช้คำให้คนอ่านบล็อกเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน และยังคงความเป็นตัวเองไว้เสมอ อาจจะมีการตลกๆบ้าง สิ่งนี้แหละที่ทำให้คำอ่านบล็อกสนุกและมีความสุขสุดๆเลย

https://travelanook.blogspot.com/2018/07/1-google-scenery-vintage-farm-06.html?m=1
อันนี้คือ ลิงค์ของเพื่อนคนที่2 น่ะ เชิญอ่านได้คราบ ไม่คิดตังค์
 
        คนที่3.ต้องปิดฉากด้วยคนที่เด็ดที่สุด 5555
รีวิวเที่ยวหาดนางรำ อำเภอ สัตหีบ จังหวัด ชลบุรี
คนนี้บอกเลยเด็ดมาก  คำวิจารณ์ คือ....................
เพื่อนมีการอธิบาย หรือว่าการบอกลำดับขั้นตอนที่ดี ว่าเราจะไปเที่ยวที่นี่  เราจะต้องทำอย่างไรบ้าง อย่างเช่น ศึกษาเส้นทาง ซึ่งเพื่อนแนะนำให้กับเราได้ดีมาก แถมยังบอกร้านอาหารอร่อยๆเยอะแยะอีกด้วย อ่านไปนี่เปียท้องร้องหิวข้าวเลย 55555 และเพื่อนก็ใช้คำที่เป็นตัวเอง อ่านแล้วเป็นธรรมชาติ ดูไม่ขัดอะไร สรุปคือ เพื่อนคนที่ 3 มาเเนวแปลกคือ แนะนำเส้นทางให้เรารู้ก่อนว่าจะไปเที่ยวได้ยังไง เปียว่าเข้าท่าดี เพราะถ้าเรารู้ว่าเราจะไปเที่ยวนี่ เส้นทางเป็นยังไง จะได้เตรียมตัวถูก นี่คือ ความเเตกต่างที่ลงตัว และเพื่อนก็ยังใช้คำที่เป็นธรรมชาติเเสดงถึงความเป็นตัวเองออกมาผ่านทางการเขียนบล็อกได้ดีสุดๆไปเลย
http://missbatza.blogspot.com/2018/07/2-1.html?m=1
นี่ก็เป็นลิงค์ของเพื่อน คนที่ 3 เข้ามาอ่านกันได้น้าา

ทุกคนที่อ่านจะเห็นว่าทำไมเปียไม่เอารูปโชว์บ้างอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเพื่อนไรงี้ คือ เปีย อยากให้ทุกๆคนลองเข้าไปอ่าน ว่าสิ่งที่เปียวิจารณ์มันจริงรึป่าวน้า  หรือว่าอะไรยังไง  บางทีเราอาจจะเจอที่เที่ยวสวยๆเพิ่มเติมก็ได้  สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกๆคนที่มาอ่านบล็อกของเปียด้วย ขอบคุณมากๆจริงๆ ไว้โอกาศหน้า พบกันใหม่ บ้ายๆๆๆ
         

ARMY ที่รัก


ARMY ……..  ที่รัก


   
          สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคนกลับมาเจอกันอีกแล้ว  วันนี้เปียก็จะมาเล่าประสบการณ์ตลกๆให้ฟัง  เรื่องมันมีอยู่ว่า  เปียมีเพื่อนคนหนึ่ง  เขาเป็นคนที่บ้าวงเกาหลีวงหนึ่งมาก เห็นอะไรที่เกี่ยวกับวงเกาหลีที่มันชอบไม่ได้  มันจะซื้อไปหมด55555 วันนั้นเป็นวัน Open House ของโรงเรียน ก็จะมีร้านต่างๆเข้ามาขายของ ส่วนใหญ่ก็เป็นของที่เกี่ยวกับ K-POP น่ะ เราเห็นมันซื้อของ   เราก็ถามมันไปว่า  ไม่กลัวเปลืองตังค์อ่อ  เท่านั้นแหละมันก็หันมาตอบว่า  อ่อไม่เป็นไร ตังค์อันเนี่ยเขาเป็นคนเก็บเงินเอง โถ้!!!ตกใจหมดนึกว่าจะโดนด่า  5555555  ประเด็นคือ อยู่ดีๆเปียก็ดันไปชอบวงเกาหลีวงที่เพื่อนเปียชอบ คือ ไม่น่าไปว่ามันว่าบ้าผู้ชายเล้ย  555555ดันมาเป็นซะเอง 
                แต่ก็ต้องขอบคุณเพื่อนจริงๆ 555555 เพราะวงนี้เป็นวงที่ เพลงก็เพราะ นักร้องก็หน้าตาดี  แต่อาจจะขี้แกล้งกันไปหน่อย วงนี้ก็คือ  BTS !!!!!!!! เฉลยซะที

                ฉะนั้น วันนี้เปียก็เลยจะมานำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับวงนี้กัน  (หากข้อมูลไหนผิดพลาดไป ก็ขออภัยชาวARMY ด้วยน้า) เชิญชมกันเลย 



           1.     ชื่อวง
BTS ย่อมาจาก Bangtan Boys หรือ บังทันโซยอนดัน ที่หมายถึง เสื้อเกราะกันกระสุน ซึ่งแปลว่า เหล่าเด็กชายผู้กีดขวางการกดขี่และการมีอคติ และได้มีชื่อใหม่ทางภาษาอังกฤษ จึงมีความหมายเพิ่มขึ้นมาว่า วัยรุ่นผู้พัฒนาสู่ความใฝ่ฝันอย่างไม่หยุดยั้งและไม่ยึดติดกับสถานภาพปัจจุบัน
และพี่เขามีการเปลี่ยนโลโก้ของวงด้วยน้า



          2.ชื่อแฟนคลับ
ชื่อแฟนคลับ ก็คือ  ARMY ซึ่งแปลว่าทหาร เพราะว่า ทหารกับเสื้อเกราะเนี่ยเป็นของคู่กัน

          3. การเข้าเป็นสมาชิกวง (เรียงว่าใครเข้าก่อนน่ะ)





การเข้าสู่วงการ : พี่ม่อนเป็นเเร็ปเปอร์ใต้ดิ้นเเละได้เข้าร่วมโครงการฮิปฮอปของบังทันบอยส์
ชื่อ : คิม นัมจุน (Kim Nam Joon )หรือ เเรพ มอนสเตอร์
ตำแหน่ง : หัวหน้าวงและเเร็ปเปอร์หลัก
วันเกิด :    12 กันยายน 1994
บ้านเกิด : อิลซาน จังหวัดคยองกี


การเข้าสู่วงการ : พี่ก้าเป็นเเร็ปเปอร์ใต้ดินที่เมืองแทกู และออดิชั่นผ่าน Hit It
ชื่อ: มิน ยุนกิ (Min Yoon Gi) หรือ ชูก้า
ตำแหน่ง : แร็บเปอร์หลัก 
วันเกิด  :   9 มีนาคม 1993
บ้านเกิด :  แทกู

การเข้าสู่วงการ : พี่โฮปเข้ามาทางสายการเต้นโดยเฉพาะเลย จะเห็นว่าพี่เขาไปประกวดเต้นหลายเวทีมากๆ
ชื่อ : ชอง โฮซอก ( Jung Ho Seok) หรือ เจโฮป
ตำแหน่ง : นักเต้นนำและแร็ปเปอร์หลัก
วันเกิด :    18 กุมภาพันธ์ 1994
บ้านเกิด:   ควังจู



การเข้าสู่วงการ : พี่เขาได้เเคสติ้งตอนที่กำลังเดินทางไปโรงเรียน ( โอ้โหนี่ไปโรงเรียนน่ะเนี่ยอะไรจะขนาดนั้น55555)
ชื่อ  : คิม ซอกจิน (Kim Seok Jin ) หรือ จิน
ตำแหน่ง : นักร้องเสริม และภาพลักษณ์ คือ พี่ใหญ่
วันเกิด :    4 ธันวาคม 1992
บ้านเกิด :  กวาชอน จังหวัดคยองกี


การเข้าสู่วงการ : พี่กุกเข้าไปประกวดรายการSuperstar K หลังจากประกวดจบรายการ ก็มาหลายบริษัทเข้ามาติดต่อ แต่พี่แกเลือก Big Hit เพราะ ติดใจการเเร็ปของพี่ม่อน55555
ชื่อ: จอน จองกุก (Jeon Jeong-guk) หรือ จองกุก
ตำแหน่ง : นักร้องเสียงหลัก นักเต้นนำ แร็ปเปอร์เสริม และเป็นน้องเล็กครับผม
วันเกิด :    1 กันยายน 1997
บ้านเกิด :  ปูซาน

การเข้าสู่วงการ : พี่แทเขาไปออดิชั่นแบบปิดของBig Hit ที่แทกู ตามเพื่อน55555
ชื่อ : คิม แทฮยอง (Kim Tae Hyung)หรือ วี
ตำแหน่ง : นักร้องนำ และภาพลักษณ์ ของวง เพราะพี่เขาหล่อคราบบบบ
วันเกิด :    30 ธันวาคม 1995
บ้านเกิด :  แทกู


การเข้าสู่วงการ : พี่จีมินเข้ามาทดสอบความสามารถตามที่ครูสอนเต้นแนะนำ (เด็กดีอ่า5555)
ชื่อ : ปาร์ค จีมิน ( Park Jimin) หรือ จีมิน
ตำแหน่ง : นักเต้นนำและนักร้องนำ
วันเกิด :    13 ตุลาคม 1995
บ้านเกิด : ปูซาน

            และนี่ก็เป็นข้อมูลเเบบคร่าวๆหรือว่าเบื้องต้นนั้นเองสำหรับเหล่า ARMY ทุกๆคน สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า  เมื่อไหร่ BTS จะมาจัดคอนเสริต์ที่ไทยอีกอยากไป!!!!!!55555555 เพราะว่ามันสนุกมากๆๆๆๆ ก.ไก่ ล้านตัว แล้วก็แบบเขินๆด้วยเอาง่ายๆคือ ฟินนี้เอง 55555











มาดู มาดู คุณหมอ!!!!


มาดู    มาดู   คุณหมอ!!!!!!


           สวัสดีค่ะทุกคน !!!!! กลับมาเจอกับเปียคนสวยคนเดิมเช่นเคย  555555 วันนี้นะค่ะ เราก็จะมาถามเพื่อนๆกับอาชีพที่เพื่อนๆอยากจะเป็นในอนาคตกัน พอพูดไปก็นึกถึงตอนที่เรายังเด็กๆกันอยู่ ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาจะถามอะไรเรานักหนา 5555555 ถามอยู่นั่นแหละว่าอยากเป็นอะไร ตอนนั้นเรายังเด็กก็ตอบไปแบบบราๆๆ 5555 แต่ตอนนี้นะค่ะ เราก็มีความฝันที่แน่นอนแล้วว่า เราอยากเป็นอะไร เราอยากเป็นหมอออออออ   55555555 
 วันนี้เราก็เลยจะมาแนะแนวทางแห่งการเป็นหมอ สำหรับคนที่มีอาชีพที่ใฝ่ฝันอยากเป็นหมอกันนะค่ะ ว่าจะมีแนวทางอย่างไรบ้างไปชมกันเลยยยยย






อันดับแรก  
 เลยนะค่ะ เราจะต้องแน่ใจก่อนว่า อาชีพที่เราจะเป็น เรามั่นใจแล้วว่าเราไปกับมันได้ เราเรียนกับมันแล้วมีความสุข ถ้าเราเรียนกับมันแล้วมีความสุข ถึงเนื้อหาจะยากแค่ไหน แต่ถ้าเรามีใจรักแน่นอนว่าเราจะต้องทำมันได้ออกมาดีแน่นอนคะ




อันดับที่สอง   

จะกล่าวถึงการสอบเข้าในคณะแพทย์ ว่าจะต้องใช้คะแนนใดบ้างในการสอบเข้า และการสอบเข้าคณะแพทย์มีวิธีการสอบอย่างไรบ้าง เชิญชมได้ดังนี้ค่ะ

1.             รับตรง หมายถึง ข้อสอบจะเป็นของแต่ละมหาวิทยาลัยซึ่งเขาจะเป็นผู้ออกเอง การเลือกในระบบรับตรงโควตาจะต่างจากแอดมิดชั่น (Admission) คือ รับตรงจะเลือกได้สูงสุด 2 คณะในแต่ละมหาวิทยาลัย แต่มีสิทธิ์เลือกได้ 4 อันดับ แต่แอดมิดชั่นจะเลือกได้ 4 อันดับ มหาวิทยาลัยใดก็ได้คณะใดก็ได้

2.             กสพท. (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย)
จะเริ่มต้นรับสมัครประมาณเดือนสิงหาคม
คะแนนที่ใช้ก็แบ่งออกเป็น สัดส่วน 70 : 30 คือ

วิชาสามัญ 70%
วิชาความถนัดแพทย์ 30%

วิทย์ 40%
·       วิชาที่สอบวิชาแรก คือ ความถนัดแพทย์ จะสอบตอนประมาณสิ้นเดือนตุลาคม ส่วนวิชาสามัญสอบเดือนมกราคม ประกาศผลก็ กุมภาพันธ์
คณิต 20%
อังกฤษ 20%
ไทย 10 %
สังคม 10%

อันดับที่สาม   


เราก็จะมากล่าวถึงเพื่อนๆหลายคนที่น่าจะทราบแล้วใช่ไหมค่ะว่า เรียนแพทย์ต้องเรียนด้วยกันถึง 6 ปีเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ละปีก็จะเรียนในเนื้อหาที่ต่างกันออกไป ดังนี้ค่ะ


ปี 1 ปรับพื้นฐาน
ในช่วงนี้ทุกๆมหาวิทยาลัยจะใช้ช่วงนี้ เพื่อปรับสภาพจิตใจ และปรับเนื้อหาของนักศึกษาเพี่อเตรียมพร้อมสู่การเรียน ซึ่งในปี 1 นี้เนื้อหาที่เรียนก็จะยังเบาๆอยู่นะค่ะ เราก็จะเรียนแบบสบายๆขนมๆกัน




ปี 2 สวัสดิพรีคลินิก หรือ การทำงานของร่างกายในภาวะปกติ
ช่วงปี 2 นักศึกษาแพทย์ทุกคนจะได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ ซึ่งแรกๆทุกคนก็ต้องมีกลัวๆกันบ้างแหละคิดว่านะ 55555 แต่เรียนไปก็คงจะชินเอง ส่วนวิชาที่เรียนก็จะเรียนจำพวก ระบบร่างกาย เช่น ระบบปราสาท ระบบไหลเวียนเลือด กายวิภาค สรีรวิทยา พันธุศาสตร์ เป็นต้น

ปี 3 ความผิดปกติของร่างกาย
นักศึกษาแพทย์จะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ หรือผิดปกติไป ก็คือ จะเรียนในเรื่อง หลักภูมิคุ้มกันวิทยา ปรสิตวิทยา พยาธิทั่วไป เวชศาสตร์ชุมชนแล้วก็เภสัชวิทยาแบบพื้นฐานค่ะ





ปี 4 การก้าวไปสู่การทำงานชั้นคลินิก
ปีนี้เห็นเขาบอกกันว่า พวกพี่ๆจะเริ่มเรียนรู้การปฏิบัติงาน โดยการตรวจคนไข้จริงๆ ที่โรงพยาบาลกันแล้ว โดยไม่มีการปิดเทอมเลย พวกพี่ๆเขาจะทำงานวนไปตามวอร์ดต่างๆจนครบ แน่นอนว่าจะต้องนอนดึกตื่นเช้าแน่   อิอิอิอิ




ปี 5 ก้าวสู่การลงมือ
ปีนี้เกือบจบแล้ว เย้ๆๆ !!!!!!  ใกล้จบแล้วมันก็ต้องฮาร์ดคอร์กันหน่อย5555 ก็คือ พี่ๆรุ่นนี้อาจจะมาถึงวอร์ดตอนตี 4 จากที่เคยมาตอนปี 4  คือ 7 โมงเช้า แล้วอาจจะทำงานจนโต้รุ่งถึงอีกวันก็ได้ ซึ่งพี่ๆเขาจะมีส่วนร่วมที่มากขึ้นในการทำงาน เช่น วินิจฉัยร่วมกับอาจารย์ เย็บแผล ช่วยทำคลอด แล้วอย่าลืม ต้องจดเล็คเชอร์ด้วยนะ 55555





ปี 6 ช่วงชีวิต EXTERN
นี้คือ จบแล้ว OMG!!!!!! 555555 พี่ๆรุ่นนี้ ก็จะสามารถรักษาคนไข้ได้แล้วหลังจากที่เรียนมา 5 ปี  และก็จะมีการออกไปเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัดด้วย     

และนี่นะค่ะก็คือข้อมูลที่เรารวบรวมมาให้เพื่อนๆได้ศึกษากัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวให้กับตัวเองในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกด้วย สุดท้ายนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคนโชคดี เข้ามหาวิทยาลัยที่ตัวเองต้องการได้น่ะค่ะ สู้ๆ

















วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว


หนึ่งสถานที่ หนึ่งความประทับใจ ในศาสนาพุทธ

         อย่างอื่นเลยก็ขอกล่าวคำทักทายเพื่อนๆกันก่อนเลย สวัสดีเราชื่อ เปีย วันนี้เราก็จะมารีวิวสถานที่หนึ่ง ซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็คงรู้อยู่แล้วแหละว่า คงเป็นสถานที่ที่เกี่ยวกับศาสนาแน่นอน แต่ขอบอกเพื่อนๆไว้ก่อนเลยว่า เห็นอย่างนี้อย่าพึ่งทำน่าเบื่อหน่ายไป  เพราะเรามีอะไรต่างๆมากมายให้ทุกๆคนตะลึงกันเลยทีเดียว
         พูดไปก็ขอแนะนำสถานที่กันเลยดีกว่า เชิญชมกันได้เลยคะ
         
         วัดเทพสรธรรมาราม (วัดหลวงปู่สรวง)
        หากพูดถึงชื่อวัดเทพสรธรรมารามแล้วหลายๆคนคงไม่รู้จักกันสักเท่าไหร่ แต่พอพูดว่าวัดหลวงปู่สรวงเท่านั้นแหละ เพื่อนๆก็คงนึกขึ้นได้ว่า อ่อ!!!!!  แน่นอนเลย แต่ก็คงมีบางคนที่ยังไม่รู้จักและก็สงสัยอีกว่าหลวงปู่สรวงท่านเป็นใคร ถ้าอย่างนั้นก็ขอเสนอข้อมูลเกี่ยวกับท่านก่อนเลยแล้วกัน
        
       1.ประวัติของหลวงปู่สรวง

              
หลวงปู่สรวงท่านเป็นคนเขมรจากประเทศกัมพูชาที่มักเดินทางไปปฏิบัติธรรมในป่า และได้เข้ามาจนถึงเขตชายแดนของไทยคือ บริเวณ อ.ภูสิงห์ .ศรีสะเกษ และท่านก็มีวัดแรกที่นั่นด้วย  ซึ่งท่านก็มักเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆไม่มีที่ซ้ำกัน ซึ่งเปียก็ได้ถามคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านว่ารู้จักท่านกันบ้างไหม?? คำตอบ คือ ทุกคนรู้จักท่านหมด แล้วแม่ก็เล่าให้ฟังว่า ท่านเป็นคนใจบุญ สุนทาน มีวิชาอาคมเก่งกล้า และสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้  แล้วถามว่ามันเป็นเรื่องจริงไหม เปียก็คงตอบไม่ได้ หรอก 55555 เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น และมันก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย

        2. ประวัติของวัดเทพสรธรรมาราม (วัดหลวงปู่สรวง)
           เป็นสถานที่ที่ใช้ปฏิบัติธรรม และเมื่อเข้าไปในวัด จะเห็นคำว่า บายตึ๊กเจีย ทั่ววัดก็ว่าได้  ซึ่งเป็นภาษาเขมรที่แปลว่า ข้าวน้ำดี หรือ มีความหมายว่า อุดมสมบูรณ์นั่นเอง และมีคำภาษาเขมรอีกคำ คือ โอยเตียนเมียนบาน แปลว่า ให้ทานแล้วรวย หรือแปลไทยว่า  ยิ่งให้ยิ่งได้ เหมือนเป็นคำพูดที่ใช้เชิญชวนให้ทุกๆคน มีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

       3. สถานที่ต่างๆในบริเวณวัด
        
1.             เมื่อเราเดินทางมาถึง ฝั่งขวามือ จะเป็น รูปปั้นหลวงปู่สรวงองค์ใหญ่ ที่มีสีทองงดงาม ถัดมา ก็จะเป็น พระแม่กวนอิม



2.             เมื่อมองดูฝั่งขวาจะเป็นพระแม่ธรณีบีบมวยผม และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

 


3.             จะมีการทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ  ซึ่งบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กเล็กๆเพราะว่าเป็นการป้อนหญ้าให้วัว ควาย กินที่สนุกมากๆ ถ้าเพื่อนๆไปก็คงได้ยินแต่เสียงเด็กๆร้องกรีด ชอบใจ


4.             เมื่อพูดถึงพระประธาน พระประธานที่นี้งดงามมาก แบบเปียเจอครั้งแรกนี่สวยสุดๆ แล้วบริเวณนี้ จะใช้ในพิธี เช่น  ถวายสังฆทาน ไหว้หลวงปู่สรวง  แล้วที่สำคัญคือ สะเดาะห์เคราะห์ ถือว่ามีคนมาเข้าพิธีแบบเยอะมาก จนเปียเข้าไปในพิธีไม่ได้ วันนั้นเลยไม่ได้ทำสักที แล้วมีคนถามว่า งมงายหรือเปล่า เราก็ตอบไปเลยว่า  มันเป็นความสบายใจ และเป็นความเชื่อส่วนบุคคลด้วย

5.             โรงทาน โรงทานของที่นี่มีอาหารเยอะมากและอร่อยด้วย ทำให้คนที่ไปทำบุญได้อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งท้องกันเลยทีเดียว และอยากจะบอกว่า เปีย ก็เคยทำอาหารไปแจกด้วย ความรู้สึกที่ได้รับ คือ มีความสุขมากๆ จนบอกไม่ถูก  ซึ่งความสุขก็ทำให้เราอิ่มเอมเปรมใจจนหน้าตาเปียสะสวยทุกวันนี้ 5555555  แต่เสียดายมากเปียไม่ได้ถ่ายรูปมาให้เพื่อนๆได้ดูกันเลย

6.             ที่ปล่อยปลา หน้าทางเข้าวัด จะเป็นแม่น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางวัดจัดเตรียมให้คนที่มาทำบุญได้ปล่อยปลากัน โดยที่เราไม่ต้องกังวลใจไปเลยว่าแม่ค้าพ่อค้าจะจับปลาที่ปล่อยแล้วมาขายได้อีก ซึ่งน้ำที่นี่สะอาดมาก เพราะใกล้ๆกันจะเป็นคลองประปาที่เราใช้ดื่มกิน เชื่อใจได้เลยว่า ปลาที่เราปล่อยไปมีชีวิตที่ดีแน่นอน


                      4. การเดินทาง
                         การเดินทางไปวัดถือว่าสะดวกมาก รถไม่ติดและมีบรรยากาศที่คล้ายๆกับเราอยู่ที่บ้านนอก แต่เป็นบ้านนอกที่ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก แค่30นาทีก็ถึง หากเพื่อนๆคนไหนชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติแบบนี้ วัดนี้ก็ถือว่าเป็นอีกที่ที่ถูกใจเลยก็ว่าได้
                         เพื่อนๆคงเห็นแล้วใช่ไหมว่า วัดที่เปียมารีวิวนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดเลย แถมสนุกและได้บุญกันอีกด้วย สุดท้ายนี้ ก็อยากจะฝากถึงเพื่อนๆทุกคนว่า การทำบุญเป็นการสะสมความดี ไม่จำเป็นต้องทำมาก แต่ขอให้ทำด้วยใจก็พอ

·       ( ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆ จากทางวัดเทพสรธรรมาราม และขอขอบคุณลูกศิษย์ขอทางวัดด้วยที่ได้แชร์รูปภาพสวยๆ ให้เราได้ศึกษา )

การศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์             สวัสดีเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน วันนี้เราก็กลับมาพบกันเช่นเคย   ซึ่งวันนี้เปียก็มีเรื่องมาเล่า หรือว่า...